คำประกาศเกียรติคุณ นายเฉลิมชัย ศรีฤาชาอมรศิลปินมรดกอีสาน สาขาประพันธ์และขับร้องเพลงลูกทุ่งพุทธศักราช ๒๕๖๗
นายเฉลิมชัย ศรีฤๅชา เกิดเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ เป็นบุตรของคุณพ่อลำไพ ศรีถๅชา คุณแม่สุ่น ศรีฤๅชา ถึงแก่กรรมเมื่อ ปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ ขณะอายุ ๔๓ ปี ภูมิลำเนา ตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนบ้านเกิด ช่วงวัยหนุ่มได้เข้ามาบวชเรียนที่ กรุงเทพมหานคร หลังจากลาสิกขาออกมา ได้ทำงานในกรุงเทพมหานคร ด้วยอุปนิสัยชอบร้องรำทำเพลง จึงได้ผันตัวเองไปสมัครร้องเพลงในวงดนตรีทหารอากาศ จนสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกับสุรพล สมบัติเจริญ ซึ่งรับราชการทหารอากาศอยู่ในขณะนั้น ว่างจากงานราชการมักจะไปร่วมงานชุมนุมกลุ่มคนอีสานอยู่เป็นประจำอย่างไม่ชาดทุกครั้งที่ไปมักจะได้ขึ้นร่วมแสดงความสามารถในการร้อง การลำ อยู่เสมอ จนได้รับสมญานามว่า “ไส้เดือนถูกขี้เถ้า” นายเฉลิมชัย ศรีฤๅชา เข้าสู่วงการเพลงและเป็นที่รู้จักอยู่ในราวช่วงปีพุทธศักราช ๒๔๘๙-๒๕๐๐ หลังจากร่วมงานกับวงดนตรีทหารอากาศ ก็ออกมาร่วมงานเป็นนักร้องในวงดนตรีที่มีชื่อเสียงอยู่ในขณะนั้นหลายวง เช่น วงดนตรีของสมยศ ทัศนพันธ์ วงดนตรีของคำรณ สัมบุญณานนท์ วงดนตรีบางกอกช่าช่าช่าของสมพงษ์ วงศ์รักไทยและชุติมา สุวรรณรัตน์ และวงดนตรีวายุบุตร ใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ในการขับร้องและแต่งเพลงว่า ศรีฤๅชา เป็นนักร้องนักประพันธ์เพลงลูกทุ่งที่มีเอกลักษณ์การแต่งและการขับร้องเพลงลูกทุ่งที่โดดเด่นผลงานเพลงสะท้อนภาพสังคมลาว-อีสาน แจ่มชัดที่สุด เป็นนักร้องที่นำเสนอเนื้อหาสะท้อนวัฒนธรรมสองฝั่งโขงในแง่มุมที่งดงามเปี่ยมด้วยศิลปะ เจ้าของผลงานเพลงต้นฉบับ เพลงเบิ่งโขง สองฟากฝั่งโขง แอ่วเอื้องเวียงไพร ลอยเรือล่องโขง นิราศเวียงลาว เป็นต้น เฉลิมชัย ศรีฤๅชา นักร้องนักประพันธ์เพลงลูกทุ่งยุคบุกเบิกที่เป็นคนอีสานคนยุคแรกซึ่งผู้คนไม่ค่อยได้กล่าวถึง ได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการลูกทุ่งไทยในช่วงเวลาเดียวกันกับกับครูเบญจมินทร์ ครูสุรพล สมบัติเจริญ มีความสามารถในการแสดงรอบตัว นอกจากฝีมือการแต่งเพลงและการขับร้อง ต่อมาในระยะหลังสภาพการณ์ด้านวงดนตรีมีการปรับเปลี่ยน เริ่มมีนักร้องประจำวงและออกเดินสายไปตามงานภาคต่าง ๆ เฉลิมชัย ศรีฤๅชา จึงได้แต่งเพลงป้อนนักร้องให้แก่วงดนตรีต่าง ๆ หลายวงในยุคนั้น เช่น วงดนตรีจุฬารัตน์ ของครูมงคล อมาตยกุล วงดนตรีพิพัฒน์ บริบูรณ์ นักร้องที่ขับร้องเพลงของเฉลิมชัย ศรีถๅชา เช่นเพลงสิ้นกลิ่นสไบ ร้องโดย คำรณ สัมบุญณานนท์ เพลงบางโศก ร้องโดย วัลลภ วิชชุกร เพลงเทวีหลงฟ้า ร้องโดย ไชยยศ อมาตยกุล เพลงสาวฝั่งซ้าย ร้องโดย สุชาติ เทียนทอง เพลงหัวใจอิ่มรัก ร้องโดย อุรา ศุภอักษร เพลงฝันถึงทุกคืน ร้องโดย เสียงทิพย์ ประทุมทอง เพลงเจอดีจนได้ ร้องโดย สังข์ทอง สีใส เพลงหนุ่มน้ำชี ร้องโดย ณรงค์ นามชัย และยังมีอีกหลายผลงานเพลงที่แต่งให้นักร้องคนอื่นขับร้องเอาไว้ ผลงานเพลงแต่งเองและขับร้องเองที่สร้างชื่อ เช่น เบิ่งโขง ลอยเรือล่องโขง สองฟากฝั่งโขง แอ่วเอื้องเวียงไพร นิราศเมืองลาว เป็นต้น นายเฉลิมชัย ศรีฤาชา ได้สร้างผลงานเพลงจนกลายเป็นผลงานเพลงที่มีเอกลักษณ์ ความเป็นตัวเองมีเนื้อหา ทำนองลีลา สำเนียง บ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย-ลาว ได้อย่างเต็มตัวมาตลอดกระทั่งได้รับเชิญเดินสายร้องเพลงไปที่ต่างประเทศ จนวาระสุดท้ายของชีวิต ขณะเดินสายไปร้องเพลงที่จังหวัดเชียงใหม่พอกลับมาก็ได้ล้มป่วยเป็นไข้มาลาเรียหรือไข้ป่า จนกระทั่งป่วยหนักรักษาไม่หายและได้เสียชีวิตเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ สิริอายุ ๔๓ ปี ด้วยเกียรติประวัติในการสร้างสรรค์ผลงานการประพันธ์และการขับร้องเพลงลูกทุ่ง จนเป็นที่ยอมรับในวงการลูกทุ่งไทย เป็นแบบอย่างที่ดี สร้างประโยชน์และทรงคุณค่ายิ่งต่อสังคมและประเทศชาติ นายเฉลิมชัย ศรีฤๅชา แม้ท่านจะถึงแก่กรรมไปแล้ว คุณูปการที่ได้ทำไว้ สมควรและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นอมรศิลปินมรดกอีสาน สาขาประพันธ์และขับร้องเพลงลูกทุ่ง พุทธศักราช ๒๕๖๗ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป
………………………
ประวัติอมรศิลปินมรดกอีสาน
พุทธศักราช ๒๕๖๗
นายเฉลิมชัย ศรีฤาชา
ภูมิหลัง
เกิดเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๙ ถึงแก่กรรมเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ สิริอายุ ๔๓ ปี
ภูมิลำเนา ตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
ที่อยู่สำหรับติดต่อญาติ ที่อยู่ ตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด ๔๕๑๗๐ โทรศัพท์ ๐๙ ๕๘๓๕ ๖๒๐๙
การศึกษา
สำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนในตำบลธวัชบุรี อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
ประสบการณ์
หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ได้เข้ามาบวชเรียนที่กรุงเทพมหานคร
หลังจากลาสิกขาออกมาได้ทำงานในกรุงเทพมหานคร ด้วยอุปนิสัยชอบร้องรำทำเพลง จึงได้
ผันตัวเองไปสมัครร้องเพลง ในวงดนตรีทหารอากาศ จนสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกับ สุรพล สมบัติเจริญ ซึ่งรับราชการทหารอากาศอยู่ในขณะนั้น ว่างจากงานราชการมักจะไปร่วมงานชุมนุมกลุ่มคนอีสานอยู่เป็นประจำอย่างไม่ขาด ทุกครั้งที่ไปมักจะได้ขึ้นร่วมแสดงความสามารถในการร้อง การลำ อยู่เสมอ
จนได้รับฉายาว่า “ไส้เดือนถูกขี้เถ้า”